📌 ครูผู้ช่วยต้องสอบ ก.พ. ไหม?
สำหรับผู้ที่มีความสนใจเข้าสู่อาชีพครูในตำแหน่ง ครูผู้ช่วย คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ "ต้องสอบ ก.พ. หรือไม่?" คำตอบคือ "ไม่จำเป็นต้องสอบ
ก.พ." เนื่องจากระบบการสอบและการคัดเลือกครูผู้ช่วยมีความแตกต่างจากการสอบ ก.พ. ซึ่งเป็นระบบกลางสำหรับหน่วยงานราชการทั่วไป
เหตุผลที่ครูผู้ช่วยไม่จำเป็นต้องสอบ ก.พ.
🔹 การคัดเลือกแยกออกจากระบบการสอบ ก.พ.
การสอบครูผู้ช่วยจัดขึ้นโดยหน่วยงานทางการศึกษา เช่น สำนักงานคณะ
กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) หรือสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)
🔘 ระบบนี้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
🔘 ใช้เกณฑ์และการประเมินที่แตกต่างจากการสอบ ก.พ.
🔹 การมุ่งเน้นวิชาชีพครู: ผู้สมัครสอบครูผู้ช่วยต้องมีคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพครูโดยตรง เช่น
🔘 การสอบครูผู้ช่วยประกอบด้วยการประเมินด้านความรู้ทั่วไป ความรู้วิชาชีพครู และการสัมภาษณ์
🔘 เนื้อหาการสอบมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการสอน การจัดการเรียนรู้ และจิตวิทยาการศึกษา ซึ่งแตกต่างจากเนื้อหาการสอบ ก.พ.
ความแตกต่างระหว่าง ก.พ. และท้องถิ่น
🔸 ก.พ.
เป็นการสอบภาคความรู้ความสามารถทั่วไป หรือ ภาค ก
สอบเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ (ป.ตรี เกณฑ์ผ่าน 60%) ถ้าผ่านภาค ก แล้วจะมี
หน่วยงานที่เปิดสอบภาค ข. เอง เราก็เอาข้อมูลไปยื่นได้เลยโดยจะมีข้อมูลการสมัครระบุว่า ต้องผ่านภาค ก ของ ก.พ. ใครยังไม่ผ่าน ก็สมัครไม่ได้
ส่วนผลสอบใช้ได้ตลอดไป ไม่มีหมดอายุ
🔸 ส่วนสนาม
กทม.คนผ่านภาค ก แล้วก็เอาแค่ผลสอบไปยื่น แล้วรอสอบแค่ภาค ข ส่วนคนที่ยังไม่ผ่าน ภาค ก กทม.เขาก็จัดสอบในส่วนของภาค ก เหมือนกัน
ทำงานในส่วนของ กทม. ถ้าย้ายกลับต่างจังหวัด ค่อนข้างยาก
🔸 ท้องถิ่น
จะเป็นกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจัดสอบเอง ไม่ได้สอบทุกปีขึ้นอยู่กับผลสำรวจว่าขาดแคลนบุคลากรมากน้อยแค่ไหน โดยกรมจะเปิด
สอบ
ภาค ก = ความรู้ความสามารถทั่วไป
ภาค ข = ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง
โดยปกติสอบวันเดียวคือ เช้า - บ่าย
(เกณฑ์ต้องได้คะแนนมากกว่า 60 คะแนนทั้งสองวิชา คะแนนเต็ม 100)
ถ้าผ่านแล้วไปสัมภาษณ์ภาค ค ผลสอบมีอายุ 2 ปี ถ้าอยู่อันดับไกล ๆ
เรียกไม่ถึงสอบใหม่ ซึ่งปกติจะเรียกทุกเดือน (ยกเว้นโควิด) ตามความต้องการของ อบจ. เทศบาล อบต. พัทยา ถ้าใครตั้งใจรับราชการเชียร์
สนามนี้เพราะโอกาสบรรจุสูงมาก ๆ ถ้าลำดับดี ๆ ก็ได้บรรจุไวเหมือนกัน
** ในส่วนของ ภาค ก.พ. และ กทม. ยื่นผลสอบภาษาอังกฤษ toeic ได้
ความแตกต่างระหว่าง ก.พ. และท้องถิ่น
🔸 คุณสมบัติผู้สมัคร
🔘 จบการศึกษาในสาขาครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ หรือสาขาอื่นที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
🔘 หากไม่ได้จบสายตรง ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (ป.บัณฑิต)
🔸 การสอบแข่งขัน
🔘 ภาค ก: ความรู้ทั่วไป เช่น ภาษาไทย คณิตศาสตร์ และกฎหมายพื้นฐาน
🔘 ภาค ข: ความรู้เฉพาะทางด้านวิชาชีพครู เช่น หลักสูตรการสอน การวัดและประเมินผล
🔘 ภาค ค: การสัมภาษณ์เพื่อประเมินทัศนคติ บุคลิกภาพ และความเหมาะสม
🔸 การบรรจุและแต่งตั้ง
🔘 ผู้ที่ผ่านการสอบครูผู้ช่วยจะได้รับการบรรจุในตำแหน่งครูผู้ช่วยในโรงเรียนที่เปิดรับสมัคร
กลุ่มที่ต้องสอบ ก.พ.
ในทางกลับกัน ผู้ที่ต้องสอบ ก.พ. คือผู้ที่ต้องการเข้าทำงานในหน่วยงานราชการทั่วไป เช่น
🔸 1. ตำแหน่งราชการทั่วไป
🔘 นักวิชาการ
🔘 นักทรัพยากรบุคคล
🔘 เจ้าพนักงานธุรการ
🔸 2. ราชการพลเรือน
🔘 การสอบ ก.พ. เป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับบุคคลที่ต้องการสมัครงานในตำแหน่งราชการที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพครู เช่น กระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย หรือสำนักงานอื่น ๆ
🔸 3. ลักษณะการสอบ ก.พ.
🔘 ภาค ก: ทดสอบความรู้ทั่วไป
🔘 ภาค ข: ทดสอบความรู้เฉพาะตำแหน่ง
🔘 ภาค ค: สัมภาษณ์
กลุ่มที่ต้องสอบ ก.พ.
การสอบครูผู้ช่วยเป็นกระบวนการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการในตำแหน่ง "ครูผู้ช่วย" ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับ
ผู้ที่ต้องการเข้าสู่สายงานข้าราชการครูในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยเป็นการสอบเพื่อประเมินความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติที่
เหมาะสมสำหรับการทำงานในตำแหน่งครู
ความสำคัญของการสอบครูผู้ช่วย
🔸 1. การเข้าสู่ระบบข้าราชการครู
การสอบครูผู้ช่วยเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในตำแหน่งข้าราชการครูในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
🔸 2. การประเมินความพร้อม
ผู้สมัครสอบต้องผ่านการประเมินความรู้ทั้งในด้านวิชาการและวิชาชีพครู เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม
🔸 3. การสร้างคุณภาพการศึกษา
การคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้และทักษะที่เหมาะสมช่วยส่งเสริมคุณภาพการเรียนการสอนในสถานศึกษา
วัตถุประสงค์ของการสอบครูผู้ช่วย
🔘 เพื่อคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอน
🔘 เพื่อประเมินความรู้ด้านวิชาชีพครู เช่น จิตวิทยาการศึกษา หลักสูตรและการจัดการเรียนรู้
🔘 เพื่อให้ได้บุคลากรที่มีความเหมาะสมในการทำงานกับนักเรียน และสามารถปฏิบัติงานในโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดสอบครูผู้ช่วย
🔸 1. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
🔘 สพฐ. มีหน้าที่จัดสอบครูผู้ช่วยในโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในสังกัดทั่วประเทศ
🔘 รับผิดชอบการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสอบ รวมถึงประกาศตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
🔸 2. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)
🔘 สอศ. จัดสอบครูผู้ช่วยในสายงานอาชีวศึกษา เช่น วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยการอาชีพ
🔘 เน้นการคัดเลือกครูที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสายงานอาชีพ เช่น ช่างอุตสาหกรรม หรือการบริหารธุรกิจ
🔸 3. สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)
🔘 กศน. รับผิดชอบการจัดสอบครูผู้ช่วยสำหรับการศึกษานอกระบบ เช่น ครูในศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน
🔘 เน้นการคัดเลือกบุคคลที่มีทักษะการสอนและพัฒนาการเรียนการสอนในชุมชน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดสอบครูผู้ช่วย
🔸 1. วุฒิการศึกษา
🔘 ผู้สมัครต้องสำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพครู เช่น ปริญญาตรีคณะศึกษาศาสตร์ หรือครุศาสตร์
🔘 ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือหนังสือรับรองสิทธิจากคุรุสภา
🔸 2. คุณสมบัติทั่วไป
🔘 มีความประพฤติดี ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม
🔘 มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และสามารถปฏิบัติงานได้
🔸 3. ความรู้เฉพาะด้าน
🔘 ความรู้พื้นฐานด้านกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
🔘 ทักษะและความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน
ขั้นตอนการสอบครูผู้ช่วย
🔸 1. การประกาศรับสมัคร
🔘 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สพฐ., สอศ., หรือ กศน. จะประกาศตำแหน่งที่เปิดรับสมัครในเว็บไซต์หรือประกาศสาธารณะ
🔸 2. การสมัครสอบ
🔘 ผู้สมัครต้องกรอกข้อมูลและส่งเอกสารผ่านระบบออนไลน์หรือยื่นใบสมัครตามที่กำหนด
🔸 3. ลักษณะการสอบ
🔘 ภาค ก: ความรู้ทั่วไป เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาไทย
🔘 ภาค ข: ความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพครู เช่น จิตวิทยาการศึกษา การวัดและประเมินผล
🔘 ภาค ค: การสัมภาษณ์ เพื่อประเมินบุคลิกภาพและทัศนคติ
🔸 4. การประกาศผลสอบ
🔘 ผู้ที่ผ่านการสอบทุกภาคจะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งครูผู้ช่วย
บทบาทของครูผู้ช่วยในระบบการศึกษา
🔘 ทำหน้าที่ช่วยครูประจำวิชาหรือหัวหน้าหมวดในการจัดการเรียนการสอน
🔘 ดูแลนักเรียนในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในและนอกห้องเรียน
🔘 พัฒนาทักษะและความรู้เพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบเลื่อนตำแหน่งเป็น "ครู"
การสอบครูผู้ช่วยเป็นขั้นตอนสำคัญในการเข้าสู่สายงานข้าราชการครู โดยมีเป้าหมายเพื่อคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมและสามารถทำงาน
ในตำแหน่งครูได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ที่สนใจสอบครูผู้ช่วยควรเตรียมตัวและศึกษารายละเอียดของการสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
สพฐ., สอศ., หรือ กศน. เพื่อเพิ่มโอกาสในการสอบผ่านและบรรจุในตำแหน่งที่ต้องการ
สอบ ก.พ. คืออะไร?
การสอบ ก.พ. (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) เป็นกระบวนการคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ระบบราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งเป็นหน่วย
งานที่รับผิดชอบการจัดการทรัพยากรบุคคลในระบบราชการไทย การสอบนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการบรรจุเข้าทำงานในตำแหน่ง
ราชการพลเรือนทั่วประเทศ
วัตถุประสงค์ของการสอบ ก.พ.
1. ประเมินความรู้และความสามารถพื้นฐานของผู้สมัคร:
การสอบ ก.พ. มีจุดมุ่งหมายเพื่อคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติและความสามารถ
เหมาะสมในการปฏิบัติงานในระบบราชการ
2. สร้างมาตรฐานการคัดเลือก: การสอบเป็นระบบกลางที่มีเกณฑ์มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
3. สนับสนุนการบริหารทรัพยากรบุคคลในหน่วยงานราชการ:
ผู้ที่ผ่านการสอบ ก.พ. จะเป็นกลุ่มบุคคลที่ได้รับการยืนยันว่ามีคุณสมบัติเพียงพอ
สำหรับการทำงานในหน่วยงานของรัฐ
การสอบ ก.พ. แบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่
1. ภาค ก (ความรู้ความสามารถทั่วไป)
เป็นการสอบที่เน้นการวัดความรู้และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการทำงานในระบบราชการ โดยแบ่งออกเป็นหัวข้อหลักดังนี้
🔘 ภาษาไทย: การอ่านจับใจความ การเขียนเรียงความ การสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ
🔘 คณิตศาสตร์: การแก้ปัญหาเชิงตรรกะ การคิดวิเคราะห์ การคำนวณพื้นฐาน
🔘 ความรู้ทั่วไป: เช่น ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน สังคม เศรษฐกิจ และการเมือง
2. ภาค ข (ความรู้เฉพาะตำแหน่ง)
การสอบภาคนี้จะวัดความรู้ความสามารถในสายงานเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร เช่น
🔘 ตำแหน่งนักทรัพยากรบุคคล: ทฤษฎีการบริหารงานบุคคล
🔘 ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผน: ความรู้เกี่ยวกับนโยบายสาธารณะและการวางแผน
🔘 ตำแหน่งวิศวกร: ความรู้เฉพาะทางในสาขาวิศวกรรม
3. ภาค ค (การสัมภาษณ์)
เป็นการประเมินบุคลิกภาพ ทัศนคติ และความเหมาะสมกับตำแหน่ง โดยมุ่งเน้นในเรื่องต่อไปนี้
🔘 ความสามารถในการสื่อสาร
🔘 ทัศนคติและความมุ่งมั่นต่อการทำงานในราชการ
🔘 การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
จุดเด่นของการสอบ ก.พ.
1. ระบบการสอบกลาง:
การสอบ ก.พ. เป็นระบบที่มีมาตรฐานกลาง ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มความโปร่งใสในการคัดเลือกบุคลากร
2. ครอบคลุมทุกสายงาน:
การสอบนี้เป็นข้อกำหนดสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่ราชการพลเรือนในหลากหลายสายงาน เช่น การศึกษา การบริหาร
การสาธารณสุข
3. สร้างโอกาสการทำงานในภาครัฐ:
ผู้ที่ผ่านการสอบ ก.พ. จะมีสิทธิสมัครงานในหน่วยงานราชการต่าง ๆ ตามตำแหน่งที่เปิดรับ
เกณฑ์การสอบผ่าน ก.พ.
🔘 ภาค ก:
ผู้สมัครต้องได้คะแนนขั้นต่ำตามที่กำหนด (มักจะอยู่ที่ 60% ของคะแนนรวม)
🔘 ภาค ข:
เกณฑ์การสอบผ่านขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานที่สมัคร โดยคะแนนขั้นต่ำจะแตกต่างกันตามสายงาน
🔘 ภาค ค:
การผ่านเกณฑ์จะพิจารณาจากความเหมาะสมของบุคลิกภาพและความสามารถที่แสดงในระหว่างการสัมภาษณ์
ความสำคัญของการสอบ ก.พ. ในระบบราชการ
🔘 การสอบ ก.พ. ช่วยให้หน่วยงานราชการได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถพื้นฐานตรงตามความต้องการ
🔘 เป็นกระบวนการที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในระบบราชการ โดยให้โอกาสทุกคนเข้าสู่ราชการอย่างเท่าเทียม
🔘 สร้างมาตรฐานในระบบการคัดเลือกบุคลากรของรัฐ
คำถามที่พบบ่อย : การสอบ ก.พ. กับ การสอบท้องถิ่น ต่างกันอย่างไร?
- การสอบ ก.พ. เป็นการสอบกลางที่จัดโดยสำนักงาน ก.พ. เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ระบบราชการพลเรือนสามัญ
- การสอบท้องถิ่นจัดโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งในหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล และเมืองพัทยา
- การสอบ ก.พ.: เน้นความรู้ทั่วไป เช่น ภาษาไทย คณิตศาสตร์ และกฎหมายพื้นฐาน
- การสอบท้องถิ่น: นอกจากความรู้ทั่วไป ยังเพิ่มเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและภารกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- ผู้ที่ต้องการสมัครงานในหน่วยงานราชการส่วนกลาง เช่น กระทรวงหรือกรมต่าง ๆ ที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาล
- ผู้ที่ต้องการทำงานในหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น พนักงานเทศบาล พนักงาน อบต. หรือเจ้าหน้าที่ในเมืองพัทยา
- การสอบ ก.พ.: มีการกำหนดคะแนนขั้นต่ำ เช่น ภาค ก ต้องได้ 60% ขึ้นไป
- การสอบท้องถิ่น: เกณฑ์คะแนนผ่านอาจแตกต่างกันในแต่ละปี แต่โดยทั่วไปจะกำหนดคะแนนขั้นต่ำที่ต้องผ่านในแต่ละวิชา
- การสอบ ก.พ.: มีการกำหนดคะแนนขั้นต่ำ เช่น ภาค ก ต้องได้ 60% ขึ้นไป
- การสอบ ก.พ.: จัดโดยสำนักงาน ก.พ.
- การสอบท้องถิ่น: จัดโดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.)
- การสอบ ก.พ.: สามารถเลือกสมัครงานในหน่วยงานราชการที่ตั้งอยู่ในส่วนกลางหรือภูมิภาค
การสอบท้องถิ่น: ต้องทำงานในพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สมัครสอบเท่านั้น
- การสอบ ก.พ. ต้องเน้นความรู้ทั่วไปและทักษะเชิงเหตุผล
- การสอบท้องถิ่นต้องเตรียมตัวเพิ่มเติมในเรื่องของกฎหมายและภารกิจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- การสอบ ก.พ. เป็นก้าวแรกสู่การทำงานในหน่วยงานราชการส่วนกลาง
- การสอบท้องถิ่นเน้นการทำงานในระดับพื้นที่ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่น