📌 ประกาศเปิดสอบข้าราชการท้องถิ่น 2568
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) เปิดรับสมัครสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่นประจำปี 2568 สมัครออนไลน์ระหว่าง
วันที่ 7-28 มีนาคมนี้ พร้อมรายละเอียดการสมัคร ค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขครบถ้วน
📍ตำแหน่งเปิดรับสมัคร อัตราว่างที่จะบรรจุ
คณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) เปิดรับสมัครสอบแข่งขันโดยแบ่งเป็นกลุ่มภาค/เขต จำนวน 10 เขต
(เพื่อประโยชน์ในการสมัครสอบแข่งขัน การขึ้นบัญชี และการบรรจุแต่งตั้ง) ตามตำแหน่งและอัตราที่ว่างของแต่ละกลุ่มภาค/เขต ดังนี้
📍ลักษณะงานคุณสมบัติทั่วไป
🔹 คุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ของผู้มีสิทธิสมัครสอบ
ผู้สมัครสอบต้องมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องต้องห้ามเบื้องต้นตามประกาศคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วน
จังหวัด เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด ลงวันที่ 2 ก.ค.2564
ประกาศคณะกรรมการกลาง พนักงานเทศบาล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับพนักงานเทศบาล
ลงวันที่ 2 ก.ค.2564 และประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้น
สำหรับพนักงานส่วนตำบล ลงวันที่ 2ก.ค.2564 ดังต่อไปนี้
📍คุณสมบัติทั่วไป
🔘 มีสัญชาติไทย
🔘 มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
🔘 เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ
❌ ลักษณะต้องห้ามเบื้องต้น ❌
1. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
2. เป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่คณะกรรมการกลาง
ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด คณะกรรมการ
กลางพนักงานเทศบาล และคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบลกำหนด
3. เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการหรือถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามมาตรฐานทั่วไป หรือหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการบริหาร
งานบุคคลของข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด พนักงานเทศบาล และพนักงานส่วนตำบล ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบริหารงานบุคคล
ส่วนท้องถิ่นหรือตามกฎหมายอื่น
4. เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม
5. เป็นกรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
6. เป็นบุคคลล้มละลาย
7. เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพาพิษาถึงที่สุดให้ให้จำคุก เพราะกระทำความผิด
ทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำ
โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
8. เป็นผู้เคยถูกลงโพษให้ออก ปลตออก หรือไล่ออกจากรัฐสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
9. เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก หรือปลดออก เพราะกระทำผิดวินัยตามมาตรฐานทั่วไป หรือหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล
ของข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด พนักงานเทศบาลและพนักงานส่วนตำบล ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น
หรือตามกฎหมายอื่น
10. เป็นผู้เคยถูกลงโทษไล่ออก เพราะกระทำผิดวินัยตามมาตรฐานทั่วไป หรือหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการ
องค์การบริหารส่วนจังหวัด พนักงานเทศบาล และพนักงานส่วนตำบล ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นหรือตาม
กฎหมายอื่น
11. เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ หรือเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ
สำหรับพระภิกษุหรือสามเณร ทางราชการไม่รับสมัครสอบและไม่อาจให้เข้าสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ
หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น
📍คุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง
1. ผู้สมัครรอบต้องมีคุณวุฒิการศึกษาที่ ก.จ. ก.ท. ก.อบต. หรือ ก.พ. รับรองว่าตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งที่สมัครสอบก่อน
หรือในวันปิดรับสมัครสอบ
2. ผู้สมัครสอบในตำแหน่ง
✅ ครูผู้ช่วย
✅ วิศวกรเครื่องกลปฏิบัติการ, วิศวกรไฟฟ้าปฏิบัติการ, วิศวกรโยธาปฏิบัติการ และวิศวกรสุขาภิบาลปฏิบัติการ
✅ สถาปนิกปฏิบัติการ
✅ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ
✅ นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ
✅ นักฉุกเฉินการแพทย์ปฏิบัติการ
✅ นักกายภาพบำบัดปฏิบัติการ
✅นักสาธารณสุข
** นอกจากมีคุณสมบัติตามข้อ 1 แล้วต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่ยังไม่หมดอายุในวันปิดรับสมัคร **
📍การรับสมัคร
รับสมัครสอบทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 7-28 มี.ค.2568 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ ที่เว็บไซต์
https://dla-local2568.thaijobjob.com/ หัวข้อ "สมัครสอบแข่งขัน อปท."
โดยผู้มีคุณสมบัติข้างต้นและประสงค์จะสมัครสอบแข่งขันตาม
เงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการสอบที่กำหนดให้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
2. ให้ผู้สมัครกรอกข้อมูลการสมัครให้ถูกต้องและครบถ้วน ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด พร้อมอัปโหลด (upload) ไฟล์ ดังนี้
✅ รูปถ่ายสีหน้าตรง ไม่สวมหมวกและไม่สวมแว่นดา พื้นหลังหลังไม่มีลวดลาย ถ่ายไว้ไม่เกิน
6 เดือน ขนาด 1 นิ้ว โดยใช้รูปแบบไฟล์รูปภาพและ
ขนาดตามที่ระบบกำหนด
✅ สำเนาบัตรประชาชน (ที่ยังไม่หมดอายุ)
✅ สำเนาทะเบียนบ้าน
✅ สำเนาใบปริญญา/ประกาศนียบัตร และสำเนาระเบียนแสดงผลการศึกษา ที่แสดงว่าเป็นผู้มีคุณวุฒิการศึกษาตรงตามคุณสมบัติเฉพาะ
สำหรับตำแหน่งตามประกาศรับสมัคร โดยต้องสำเร็จการศึกษาและได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวันที่ 28 มี.ค.2568 ที่เป็นฉบับภาษา
ไทยเท่านั้น
✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่ยังไม่หมดอายุ
✅ เอกสารทางทหาร แบบ สด.8 หรือ แบบ สด.9 หรือ แบบ สด.43
✅ สำเนาหลักฐานอื่น ๆ เช่น ใบสำคัญการสมรส ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (กรณี ชื่อ-นามสกุล ในหลักฐานการสมัครไม่ตรงกัน)
โดยเอกสารทุกฉบับ (ยกเว้นรูปภาพ) ให้อัปโหลดเป็นประเภทไฟล์ PDF ขนาดไม่เกิน 1 เมกะไบต์ เขียนรับรอง "สำเนาถูกต้อง"
ลงลายมือชื่อและลายมือชื่อตัวบรรจง วันที่ พร้อมเขียนชื่อตำแหน่งที่สมัครสอบกำกับไว้ทุกหน้า เมื่อยืนยันข้อความที่กรอกแล้ว
ระบบจะออกใบตรวจสอบข้อมูลผู้สมัคร และ แบบฟอร์มการชำระเงินค่าธรรมเนียมในการสมัครโดยอัตโนมัติ
4. ค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบ จำนวน 430 บาท ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมสอบ จำนวน 400 บาท และ ค่าธรรมเนียมธนาคารรวมค่าบริการ
ทางอินเทอร์เน็ต จำนวน 30 บาท
5. นำแบบฟอร์มการชำระเงินตามข้อ 3 ไปชำระเงินค่าธรรมเนียมตั้งแต่วันที่ 7-29 มี.ค.2568 ได้ที่ บมจ. ธนาคารกรุงไทย ได้ทางเคาน์เตอร์
ธนาคารกรุงไทย, แอปพลิเคชัน (Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง) และ เครื่อง ATM
7. ผู้สมัครสอบที่มีความพิการทางการเห็น (ตาบอดทั้งสองข้าง) ให้ระบุในการกรอกข้อมูลการสมัครด้วย เพื่อจะจัดให้เข้าสอบที่ศูนย์สอบ
กรุงเทพมหานคร หรือ ในสถานที่ ที่คณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) กำหนดเท่านั้น
📍เงื่อนไขการสมัคร
1. ในการสมัครสอบครั้งนี้ ผู้สมัครสอบจะสมัครสอบผ่านทางอินเทอร์ ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อสมัครสอบแล้วจะไม่สามารถแก้ไขข้อความc ใด ๆ ได้อีก
2. ผู้สมัครสอบเลือกสมัครสอบได้เพียง 1 ตำแหน่ง และเลือกกลุ่มภาค/เขต ที่สมัครสอบได้เพียง 1 กลุ่มภาค/เขต เมื่อสมัครแล้วจะเปลี่ยนแปลง
แก้ไขไม่ได้
3. ผู้สมัครสอบจะต้องเป็นผู้มีคุณวุฒิการศึกษาตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งที่สมัครสอบตามข้อ 2
4. การสมัครสอบตามประกาศนี้ ถือว่าผู้สมัครเป็นผู้ลงลายมือชื่อ และรับรองความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว หากผู้สมัครจงใจกรอกข้อมูล
อันเป็นเท็จ อาจมีความผิดทางอาญาฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137
5. ผู้สมัครสอบต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบและรับรองตนเองว่า เป็นผู้มีคุณสมบัติตามประกาศรับสมัครสอบ ในกรณีที่มีความผิดพลาดอัน
เกิดจากผู้สมัคร หรือหากภายหลังผู้สมัครรายใดมีคุณสมบัติไม่ถูกต้องครบถ้วนหรือตรวจพบว่าเอกสารและหรือหลักฐานคุณวุฒิ ซึ่งผู้สมัคร
สอบนำมายื่น ไม่ตรงหรือไม่เป็นไปตามประกาศรับสมัครสอบ ให้ถือว่าผู้สมัครสอบเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการสมัครสอบครั้งนี้มาตั้งแต่ต้น
และไม่มีสิทธิ์ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง และจะไม่คืนค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบ
6.หากปรากฏหลักฐานว่า ผู้สมัครมีการสมยอมให้มีการเรียกรับเงิน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้เป็นผู้สอบแข่งขันได้ หรือทุจริตการสอบแข่งขัน
ต้องถูกปรับให้ตก และถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้สมัครสอบแข่งขันเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นไปตลอดชีวิต รวมทั้งต้องรับผิดทั้ง
ทางแพ่ง ทางอาญา
📍การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าสอบ วัน เวลา สถานที่สอบ และระเบียบเกี่ยวกับการสอบ
คณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) จะประกาศรายชื่อผู้มีมีสิทธิ์เข้าสอบภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก)
และภาคความรู้ความสามารถเฉพาะสำหรับตำแหน่ง (ภาค ข) และ ประกาศ วัน เวลา สถานที่สอบ และระเบียบเกี่ยวกับการสอบ ทางเว็บไซต์
https://dla-local2568.thaijobjob.com/ หัวข้อ "ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าสอบภาค ก
ภาค ข และสถานที่สอบ"
ให้ผู้สมัครสอบพิมพ์
บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบ (ซึ่งมีรายละเอียดตำแหน่งที่สมัครสอบ วัน เวลา สถานที่สอบ รูปถ่ายผู้สมัครสอบ เลขประจำตัวสอบ) ทางเว็บไซต์
https://dla-local2568.thaijobjob.com/ หัวข้อ "พิมพ์บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบ" ซึ่งจะประกาศให้ทราบในภายหลัง
📍การแข่งขันในการสอบท้องถิ่น
1.ภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก) (คะแนนเต็ม 100 คะแนน)
หลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขัน มี 3 ภาค รายละเอียดตามที่ได้กำหนดไว้ใน "หลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขัน" ดังนี้
✅ วิชาความสามารถในการศึกษาวิเคราะห์และสรุปเหตุผล กำหนดคะแนนเต็ม 30 คะแนน
✅ วิชาความรู้พื้นฐานในการปฏิบัติราชการ กำหนดคะแนนเต็ม 30 คะแนน
✅ วิชาภาษาไทย กำหนดคะแนนเต็ม 20 คะแนน
✅ วิชาภาษาอังกฤษ กำหนดคะแนนเต็ม 20 คะแนน
2. ภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะสำหรับตำแหน่ง (ภาค ข) (คะแนนเต็ม 100 คะแนน)
เป็นการสอบโดยข้อสอบปรนัย โดยผู้สมัครสอบในตำแหน่งใดต้องสอบความรู้ความสามารถ ในทางที่จะใช้ในการปฏิบัติงานในหน้าที่โดย
เฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้น
3.ภาคความรู้ความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค) (คะแนนเต็ม 100 คะแนน)
เป็นการประเมินบุคคลเพื่อพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ จากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงานและพฤติกรรม
ที่ปรากฏทางอื่นของผู้เข้าสอบและจากการสัมภาษณ์ ทั้งนี้
อาจใช้วิธีการอื่นใดเพิ่มเติมอีกก็ได้ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ
รายละเอียดตามที่ได้กำหนดไว้ใน "หลักสูตรและวิธีการสอบแข่งขัน"
ทั้งนี้ ผู้สมัครสอบทุกตำแหน่งต้องสอบภาคความรู้ความสามสามารถทั่วไป ภาค ก และ ภาค ข ก่อน แล้วจึงยื่นหลักฐานเข้าสอบ ภาค ค ต่อไป
โดยจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าสอบภาค ค วัน เวลา สถานที่สอบ และระเบียบวิธีการสอบในภายหลัง
ทางเว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com/ หัวข้อ "ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าสอบภาค ค"
สิ่งที่ต้องเตรียมวันที่สอบ
📍วันสอบภาค ก และ ภาค ข
🔘 บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบที่พิมพ์จากอินเทอร์เน็ต
🔘 บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวราชการ ซึ่งปรากฏรูปถ่าย ลายมือชื่อ และเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักที่ชัดเจน
และยังไม่หมดอายุ หากไม่มีให้ใช้เอกสารรับรองรายการบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง (นายทะเบียนรับรอง)
🔘หลักฐานอื่น ๆ เช่น ไปสำคัญการสมรส ใบเปลื่ยนชื่อ-นามสกุล (ในกรณีชื่อ-นามสกุล ในหลักฐานการสมัครไม่ตรงกัน)
📍วันสอบภาค ค
1. บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบที่พิมพ์จากอินเทอร์เน็ต
2. ใบสมัครสอบที่พิมพ์จากอินเทอร์เน็ต ลงลายมือชื่อในใบสมัครให้เรียบร้อย จำนวน 1 ฉบับ
3. บัตรประจำตัวประชาชน ตัวจริงและสำเนา ซึ่งปรากฏรูปถ่าย และเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักที่ชัดเจน และยังไม่หมดอายุ จำนวน 1 ฉบับ
4. สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ฉบับ
5. สำเนาใบปริญญาบัตร/ประกาศนียบัตร และสำเนาระเบียนแสดงผลการศึกษา ที่แสงว่าเป็นผู้มีคุณวุฒิการศึกษาตรงตามประกาศรับสมัคร
โดยต้องสำเร็จการศึกษาและได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติภายในวันปิดรับสมัครคือวันที่ 28 มี.ค.2568 จำนวนอย่างละ 2 ฉบับ ทั้งนี้
6. สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ต้องไม่หมตอายุ) จำนวน 2 ฉบับ
7. ใบรับรองแพทย์ซึ่งออกให้ไม่เกิน 1 เดือน และแสดงว่าไม่เป็นโรคที่เป็นลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด
พ.ศ.2566
8. เอกสารทางทหารพร้อมสำเนาอย่างละ 2 ฉบับ
9. สำเนาหลักฐานอื่น ๆ เช่น ใบสำคัญการสมรส ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ในกรณีชื่อ-นามสกุลในหลักฐานการสมัครไม่ตรงกัน) อย่างละ 1 ฉบับ
สำเนาหลักฐาน เอกสารทุกฉบับให้ผู้สมัคครเขียนคำรับรองว่า "สำเนาถูกต้อง" ลงลายมือชื่อและลายมือชื่อตัวบรรจง
วันที่ พร้อมเขียนชื่อตำแหน่งที่สมัครสอบและเลขประจำตัวสอบกำกับไว้มุมบนด้านขวาของสำเนาเอกสารทุกหน้า
*** ผู้สมัครใดไม่ยื่นหลักฐานหรือเอกสารข้อใดข้อหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์เข้าสอบ****
📍เกณฑ์การตัดสิน
ผู้สอบแข่งขันได้ ต้องเป็นผู้สอบผ่านภาค ก ได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 โดยมีเงื่อนไขว่า วิชาภาษาอังกฤษต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ
50 ด้วย สำหรับผู้สอบผ่านภาค ก สำนักงาน ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. จะออกหนังสือรับรองผลภาค ก ซึ่งสามารถนำหนังสือรับรองผลการสอบ
ผ่านภาค ก ไปใช้กับการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการของคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) ได้
โดยสามารถใช้ได้ตลอดไป เว้นแต่ ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต.กำหนดเป็นอย่างอื่นผู้ที่ได้รับหนังสือรับรองผลการสอบผ่านภาค ก ในตำแหน่งที่บรรจุ
และแต่งตั้งในระดับปริญญาตรี ให้สามารถนำมาใช้สมัครสอบแข่งขันหรือบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีได้
โดยผู้สอบแข่งขันได้ ต้องเป็นผู้ตอบผ่านภาค ข และภาค ค แต่ละภาคได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
🔹 1. การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
เมื่อผู้เข้าสอบข้าราชการท้องถิ่นทำข้อสอบและผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ทางคณะกรรมการสอบแข่งขันจะทำการ “ขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้”
ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อของผู้ที่สอบผ่านเกณฑ์และมีสิทธิ์ได้รับการบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการ
✅ เงื่อนไขของการขึ้นบัญชี
🔘 ผู้ที่สอบได้คะแนนถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดจะถูกจัดลำดับคะแนนและขึ้นบัญชีไว้
🔘 บัญชีผู้สอบแข่งขันได้จะมี อายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ประกาศผลสอบ เว้นแต่มีการยกเลิกบัญชีโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
🔘 หากมีการเรียกบรรจุแต่งตั้งและผู้ที่สอบได้ไม่มารายงานตัวตามกำหนด อาจถูกตัดสิทธิ์ในการขึ้นบัญชี
🔘 การขึ้นบัญชีมีผลเฉพาะตำแหน่ง
ที่ได้สอบแข่งขันไว้ ไม่สามารถโอนสิทธิ์ไปยังตำแหน่งอื่น ได้
📌 หมายเหตุ: การขึ้นบัญชีเป็นเพียง “สิทธิ์” ในการรอการบรรจุแต่งตั้ง แต่ ไม่ใช่การรับประกันว่าได้บรรจุเป็นข้าราชการแน่นอน
🔹 2. การใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้เพื่อบรรจุและแต่งตั้ง
หลังจากที่สอบผ่านและขึ้นบัญชีเรียบร้อยแล้ว หน่วยงานที่ต้องการบุคลากรจะทำการ เรียกตัวผู้สอบผ่านบัญชีมาเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง
ตามลำดับคะแนน โดยมีเงื่อนไขดังนี้
🏢 หลักเกณฑ์ในการเรียกบรรจุ
🔘 เรียกตามลำดับคะแนนสูงสุดก่อน – ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจะถูกเรียกบรรจุแต่งตั้งก่อนในหน่วยงานที่มีอัตราว่าง
🔘 บรรจุตามความต้องการของหน่วยงาน – บางหน่วยงานอาจมีอัตราว่างมากน้อยแตกต่างกัน ทำให้จำนวนการบรรจุในแต่ละรอบไม่เท่ากัน
🔘 ปฏิเสธการบรรจุได้ แต่มีผลต่อสิทธิ์ – หากผู้สอบแข่งขันได้ปฏิเสธการบรรจุ 2 ครั้งขึ้นไป อาจมีผลให้ถูกตัดสิทธิ์จากบัญชีสอบแข่งขัน
🔄 บัญชีสามารถใช้ข้ามจังหวัดได้หรือไม่?
🔘 กรณีบัญชีของส่วนกลาง: บัญชีที่ขึ้นโดยหน่วยงานกลางสามารถนำไปใช้บรรจุได้ในทุกจังหวัด
🔘 กรณีบัญชีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.): ส่วนใหญ่ใช้ได้เฉพาะภายในหน่วยงานที่เปิดสอบ เว้นแต่มีข้อตกลงร่วมกันระหว่าง อปท.
📌 ข้อควรรู้: หากครบกำหนด 2 ปีแล้วบัญชียังไม่ได้ถูกเรียกบรรจุ บัญชีจะหมดอายุโดยอัตโนมัติ
🔹 3. การยกเลิกการขึ้นบัญชีเฉพาะราย
แม้จะสอบผ่านและมีชื่ออยู่ในบัญชี แต่ก็มีบางกรณีที่บัญชีของผู้สอบผ่านอาจถูก ยกเลิก ได้ ซึ่งหมายความว่า จะหมดสิทธิ์ในการได้รับการบรรจุ
แต่งตั้ง ทันที
❌ กรณีที่บัญชีของผู้สอบแข่งขันได้อาจถูกยกเลิก ❌
🔘 ขาดคุณสมบัติตามที่กำหนด เช่น มีคดีอาญา หรือขาดคุณสมบัติอื่นๆ ตามที่หน่วยงานกำหนด
🔘 ปฏิเสธการบรรจุเกิน 2 ครั้ง ในกรณีที่มีการเรียกบรรจุแต่ผู้สอบผ่านปฏิเสธซ้ำๆ
🔘 สมัครสอบโดยใช้เอกสารเท็จ หากพบว่าใช้วุฒิการศึกษาปลอมหรือข้อมูลที่เป็นเท็จ
🔘 ไม่รายงานตัวภายในระยะเวลาที่กำหนด เมื่อได้รับแจ้งให้เข้ารับตำแหน่งแต่ไม่มาตามกำหนด
🔘 ขอลาออกจากบัญชีเอง – ในบางกรณีผู้สอบสามารถทำเรื่องขอยกเลิกบัญชีของตนเองได้
📌 ข้อควรระวัง: หากมีการถูกยกเลิกบัญชี อาจมีผลต่อโอกาสในการสอบเข้ารับราชการในอนาคต ดังนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจ
ว่าพร้อมรับตำแหน่งก่อนสมัครสอบ
🔹 4. การขอดูผลคะแนนสอบ
หลังจากสอบเสร็จและมีการประกาศผลสอบ ผู้สมัครสอบสามารถ ขอดูผลคะแนนของตนเอง ได้ โดยมีขั้นตอนและเงื่อนไขดังนี้
📑 วิธีขอดูผลคะแนนสอบ
🔘 ตรวจสอบประกาศของหน่วยงานที่จัดสอบว่ามีการเปิดให้ขอดูคะแนนหรือไม่
🔘 หากเปิดให้ขอดูคะแนน ผู้สมัครต้องยื่นคำร้องขอดูคะแนนสอบผ่านระบบออนไลน์หรือสำนักงานที่จัดสอบ
🔘 ปฏิเสธการบรรจุได้ แต่มีผลต่อสิทธิ์ – หากผู้สอบแข่งขันได้ปฏิเสธการบรรจุ 2 ครั้งขึ้นไป อาจมีผลให้ถูกตัดสิทธิ์จากบัญชีสอบแข่งขัน
🔘 บางหน่วยงานอาจกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับการขอดูคะแนน
🔘 เมื่อได้รับผลคะแนนแล้ว ผู้สอบสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการวางแผนสำหรับการสอบครั้งต่อไป
🏷 เงื่อนไขในการขอดูคะแนน
🔘 สามารถขอดูคะแนนได้ภายในระยะเวลาที่หน่วยงานกำหนด (เช่น ภายใน 30 วันหลังประกาศผลสอบ)
🔘 ไม่สามารถแก้ไขหรือขอให้พิจารณาคะแนนใหม่ได้
🔘ผลคะแนนที่ได้รับเป็นเพียงข้อมูลส่วนบุคคล ไม่สามารถนำไปอุทธรณ์เพื่อเปลี่ยนแปลงผลสอบได้
📌 ข้อแนะนำ: หากคะแนนสอบใกล้เคียงกับเกณฑ์ผ่านมาก อาจพิจารณาสอบใหม่ในรอบถัดไปโดยเน้นการเตรียมตัวเพิ่มเติม
📌 สรุป
การสอบข้าราชการท้องถิ่นไม่ใช่แค่สอบให้ผ่าน แต่ต้องเข้าใจเรื่องการขึ้นบัญชี การบรรจุแต่งตั้ง และสิทธิในการขอดูคะแนน
เพื่อให้สามารถใช้โอกาสที่ได้รับได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
✅ หากสนใจสมัครสอบข้าราชการท้องถิ่น 2568 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่! 🎯