การเป็นครูถือว่าเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคน เพราะอาชีพครูไม่เพียงแต่เป็นผู้สอนความรู้ แต่ยังเป็นผู้นำทางชีวิตและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ศิษย์ การจะก้าวสู่เส้นทางนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านหลายขั้นตอน ตั้งแต่การศึกษา การฝึกฝน จนถึงการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเข้ารับราชการครู ในบทความนี้เราจะมาดูกันอย่างละเอียดว่ากว่าจะได้เป็นครูต้องทำอย่างไรบ้าง
เส้นทางการศึกษาและการเข้าเรียนในสาขาครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์
เพื่อจะได้เป็นครู การเริ่มต้นที่ถูกต้องคือการเลือกสาขาที่เกี่ยวข้องกับการสอน โดยทั่วไปคือสาขาครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มีหลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต (ค.บ.) ที่มุ่งผลิตครูโดยตรง
- ระยะเวลาเรียน: 4 – 5 ปี ตามโครงสร้างหลักสูตร
- วิชาหลัก: การจัดการเรียนการสอน, จิตวิทยาการศึกษา, การวัดและประเมินผล, การบริหารชั้นเรียน
- วิชาเฉพาะ: ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาเอก เช่น ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ
สิ่งที่ผู้เรียนควรเตรียมตัว
- มีความตั้งใจและรักการสอน
- เตรียมคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เช่น TCAS
- ศึกษาหลักสูตรที่เลือกอย่างรอบคอบว่าตอบโจทย์ความถนัดหรือไม่
การฝึกสอนภาคสนาม: จุดเริ่มต้นของการเป็นครูจริง
เมื่อเรียนถึงช่วงท้ายของหลักสูตรครุศาสตร์ นักศึกษาครูทุกคนต้องผ่าน “การฝึกสอน” หรือการปฏิบัติการสอนจริงในสถานศึกษา ระยะเวลาโดยทั่วไปคือ 1 ภาคเรียนถึง 1 ปีการศึกษา
ประโยชน์ของการฝึกสอน
- ได้เรียนรู้การจัดการห้องเรียนจริง
- ฝึกการวางแผนการสอนและการประเมินผล
- เสริมสร้างทักษะการสื่อสารกับนักเรียน ผู้ปกครอง และเพื่อนร่วมงาน
คำแนะนำสำหรับการฝึกสอน
- เตรียมแผนการสอนล่วงหน้า
- ศึกษาเทคนิคการสอนที่หลากหลาย
- เปิดใจรับคำแนะนำจากครูพี่เลี้ยง
การขึ้นทะเบียนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
หลังเรียนจบ นักศึกษาครูต้องยื่นขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูจากคุรุสภา ถือเป็นกฎหมายที่บังคับใช้สำหรับผู้ที่จะประกอบอาชีพครู
ขั้นตอนการขึ้นทะเบียน
- เตรียมเอกสาร ได้แก่ ใบรับรองผลการเรียน, สำเนาบัตรประชาชน, รูปถ่าย
- ยื่นคำขอที่คุรุสภาหรือระบบออนไลน์
- ชำระค่าธรรมเนียมและรอผลการอนุมัติ
ความสำคัญของใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
- เป็นหลักฐานยืนยันความถูกต้องตามกฎหมาย
- เพิ่มความน่าเชื่อถือในสายอาชีพ
- ใช้เป็นเงื่อนไขสำคัญในการสมัครสอบครูผู้ช่วย
การสอบครูผู้ช่วย: ด่านสำคัญในการบรรจุรับราชการครู
“การสอบครูผู้ช่วย” ถือเป็นขั้นตอนที่ท้าทายที่สุดสำหรับบัณฑิตครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ เพราะเป็นการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการครู
โครงสร้างการสอบครูผู้ช่วย
- ภาค ก: ความรู้ทั่วไป กฎหมาย และจิตวิทยา
- ภาค ข: ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่งและวิชาเอก
- ภาค ค: ความเหมาะสมกับตำแหน่งและวิชาชีพ (สอบสัมภาษณ์)
เทคนิคเตรียมสอบครูผู้ช่วย
- ศึกษาประกาศรับสมัครอย่างละเอียด
- วางแผนการอ่านหนังสือล่วงหน้าอย่างน้อย 3 – 6 เดือน
- ทำข้อสอบเก่าย้อนหลังและจับเวลาจริง
- พัฒนาทักษะการพูดและการแสดงออกเพื่อใช้ในรอบสัมภาษณ์
เส้นทางความก้าวหน้า: เงินเดือนและค่าวิทยะฐานะของครู
เมื่อสอบผ่านและบรรจุเข้ารับราชการครูแล้ว ครูจะมีเส้นทางความก้าวหน้าในสายงาน ทั้งในด้านเงินเดือนและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม
เงินเดือนเริ่มต้นของครูผู้ช่วย
- ปริญญาตรี: ประมาณ 15,000 – 17,000 บาท
- ปริญญาโท: ประมาณ 17,500 – 19,000 บาท
การปรับขึ้นเงินเดือนของครู
- ขึ้นเงินเดือนตามรอบประเมินผลราชการ (ปีละ 2 ครั้ง)
- มีโอกาสเลื่อนตำแหน่งเมื่อมีคุณสมบัติเพียงพอ
ค่าวิทยะฐานะ รางวัลแห่งความเชี่ยวชาญ
ค่าวิทยะฐานะเป็นเงินเพิ่มที่มอบให้แก่ครูที่มีความเชี่ยวชาญและผ่านเกณฑ์การประเมินที่คุรุสภากำหนด แบ่งเป็นหลายระดับ เช่น ครูชำนาญการ ครูเชี่ยวชาญ และครูเชี่ยวชาญพิเศษ
ตัวอย่างค่าวิทยะฐานะ (โดยประมาณ)
- ครูชำนาญการ: เพิ่ม 3,500 บาท
- ครูเชี่ยวชาญ: เพิ่ม 8,000 บาท
- ครูเชี่ยวชาญพิเศษ: เพิ่ม 12,000 บาท
สรุป
กว่าจะได้เป็นครูต้องผ่านหลายขั้นตอน เริ่มจากการเข้าเรียนในหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง การฝึกสอนภาคสนาม การขึ้นทะเบียนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และด่านสำคัญคือการสอบครูผู้ช่วย เมื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางข้าราชการครูแล้ว ยังมีโอกาสก้าวหน้าในวิชาชีพผ่านการเลื่อนตำแหน่ง การขึ้นเงินเดือน และการได้รับค่าวิทยะฐานะ ครูจึงเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทั้งความรู้ ความพยายาม และความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง

