📌 ประกาศเปิดสอบข้าราชการท้องถิ่น 2568
🔹 วิชาเลข
ออกเหมือนเดิมโดยจะออกแบบเดิม แต่ไม่แยกบทชัดแบบ ก.พ. ดังนั้น ต้องอ่านแบบรวมๆแต่บทที่ออกชัวร์ 100% คือ อนุกรม อุปมาฯ ตาราง
กราฟ วิเคราะห์ข้อมูล อ่านเน้นๆก่อนได้เลย
🔹 วิชาภาษาไทย
ออกเหมือนเดิม คือ ออกบทความ + หลักภาษา ใครที่เตรียม ก.พ.มา อย่าลืมอ่านพวกหลักภาษา ที่ใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มด้วยนะครับน้อง
🔹 วิชาภาษาอังกฤษ
ออกเหมือนเดิม คือ แนวเดิม Conversation + Vocab + Reading + Grammar โดยจุดเน้นแบบเดิมคือ Vocabulary
📍วิชากฎหมาย มีการแก้ไข 3 จุด คือ
1. พ.ร.บ. วิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง ( ไม่ออกแล้ว ) ❌
2.ประมวลจริยธรรม มีเพิ่มเรื่อง เจตคติและคุณธรรม ✅
3.ประวัติศาตร์เพิ่มมาใหม่ ✅
ข้อสังเกต
🔹 วิชา เลข ไทย อังกฤษ
ทรงเดิม แนวเดิม ดังนั้น ใครเตรียมมาก่อนหน้านี้ ยึดตามนั้นเลยครับ
🔹 วิชากฎหมาย
เปลี่ยนน้อยมาก แต่ตัด พ.ร.บ. วิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง
🔹 วิชาประวัติศาสตร์แม้จะเพิ่ม แต่ก็อยู่ในขาของกฎหมาย
ดังนั้น ก็ไปเบียดกับ 13 บทอยู่ดี ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ หรือ ออกมาเป็นวิชาแยก ไม่ต้องกลัวครับ
สรุปที่ออกสอบ ท้องถิ่น ภาค ก. วิชา กฎหมาย
1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 *ออกเหมือนเดิม ✅
2.พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 *ออกเหมือนเดิม ✅
3.พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด 2540 *ออกเหมือนเดิม ✅
4.พ.ร.บ.เทศบาล 2496*ออกเหมือนเดิม ✅
5.พ.ร.บ.อบต.2537*ออกเหมือนเดิม ✅
6.พ.ร.บ.เมืองพัทยา 2542*ออกเหมือนเดิม
7.พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานส่วนท้องถิ่น 2542 *ออกเหมือนเดิม ✅
8.ระเบียบงานสารบรรณ 2526*ออกเหมือนเดิม ✅
9.พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารบ้านเมืองที่ดี *ออกเหมือนเดิม ✅
10.พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนกระจายอำนาจฯ 2542*ออกเหมือนเดิม ✅
11.เจตคติ จริยธรรม*เพิ่มเติม
12.ประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง*เพิ่มเติม
13.พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง*ออกเหมือนเดิม ✅
*ตัดพ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตทางราชการ
เกณฑ์คะแนน
🔹 ภาค ก (ความสามารถทั่วไป)
🔘 ด่านแรกต้องผ่าน วิชาภาษาอังกฤษก่อน ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 50%
🔘 ทุกวิชารวมกันต้องได้คะแนน ไม่ต่ำกว่า 60%
🔘 หากสอบผ่านภาค ก แล้ว จะสามารถนำผลสอบไปใช้สมัครสอบภาค ข ในตำแหน่งอื่นได้
🔹 ภาค ข (ความรู้เฉพาะตำแหน่ง)
🔘 ต้องได้คะแนน ไม่น้อยกว่า 60%
🔹 ภาค ค (สอบสัมภาษณ์)
🔘 ต้องผ่านการสอบภาค ก และ ภาค ข ก่อนจึงจะเข้าสอบสัมภาษณ์ได้
🔘 ไม่มีเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำ แต่ใช้พิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่ง
การตัดสิน
🔘 ผู้ที่สอบผ่านทุกภาค (ก, ข, ค) และผ่านเกณฑ์คะแนนที่กำหนด จะได้รับการบรรจุเข้ารับราชการตามลำดับคะแนนและจำนวนอัตราว่างที่มี
สรุปหลักเกณฑ์การตัดสินและการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในการสอบท้องถิ่น
🔹 เกณฑ์การตัดสินผลสอบ เงื่อนไขการผ่านการสอบ
🔘 ผู้สอบต้องผ่านการสอบภาคความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก) และต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60
🔘 ในส่วนของวิชาภาษาอังกฤษต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50
🔘 กรณีสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น คะแนนจากภาค ก จะถูกนำไปใช้ประกอบการพิจารณาร่วมกับการสอบภาคความเหมาะสมกับ
ตำแหน่ง (ภาค ข)
การพิจารณาผลสอบ
🔘 หากผู้สอบผ่านภาค ก แล้วแต่ไม่สามารถสอบผ่านภาค ข จะถือว่ายังไม่มีสิทธิ์ได้รับการบรรจุ
🔘 คะแนนจากการสอบภาค ก และ ภาค ข จะถูกใช้ร่วมกันเพื่อพิจารณาลำดับความเหมาะสมสำหรับการบรรจุเป็นข้าราชการ
🔘 หากผู้สอบสามารถสอบผ่านทุกภาคส่วนและได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มผู้สอบ จะมีโอกาสได้รับการพิจารณาเรียกบรรจุได้เร็วกว่า
การขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
🔹 กระบวนการขึ้นบัญชี
🔘 ผู้ที่สอบผ่านจะถูกจัดอันดับในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ตามกลุ่มภาค/เขตที่ตนสมัครสอบ
🔘 การจัดอันดับจะพิจารณาจาก คะแนนรวมของภาค ก และ ภาค ข
🔘 ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจะอยู่ในอันดับต้น ๆ ของบัญชี
กรณีคะแนนเท่ากัน
🔘 หากมีผู้สอบได้คะแนนรวมเท่ากัน การจัดอันดับจะใช้คะแนน ภาค ข เป็นตัวตัดสิน
🔘 หากคะแนนภาค ข เท่ากันอีก จะใช้การสุ่มจับฉลากหรือวิธีอื่นตามที่กำหนด
ระยะเวลาการขึ้นบัญชี
🔘 บัญชีรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ มีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ประกาศผลสอบ
🔘 หากบัญชีดังกล่าวยังมีรายชื่ออยู่และมีตำแหน่งว่างในภายหลัง อาจถูกเรียกตัวเพื่อบรรจุโดยไม่ต้องสอบใหม่
🔘 ในกรณีที่มีการเรียกบรรจุแล้ว ผู้สอบต้องแจ้งยืนยันภายในระยะเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์
การเพิกถอนบัญชี
🔘 หากบัญชีรายชื่อครบอายุ 2 ปี โดยไม่มีการเรียกบรรจุ รายชื่อนั้นจะถูกตัดออกจากระบบโดยอัตโนมัติ
🔘 หากหน่วยงานพบว่าผู้สอบให้ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจมีการเพิกถอนรายชื่อออกจากบัญชี
สรุปโดยรวม
🔘 การสอบแข่งขันท้องถิ่นมีเกณฑ์ชัดเจนว่าผู้สอบต้องผ่าน ภาค ก และ ภาค ข โดยมีคะแนนขั้นต่ำที่ต้องได้
🔘 ผู้ที่สอบผ่านจะถูกจัดลำดับในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ และมีโอกาสได้รับการเรียกบรรจุตามลำดับคะแนน
🔘 บัญชีผู้สอบมีอายุ 2 ปี และจะถูกใช้เรียกบรรจุตามความต้องการของหน่วยงาน
🔘 มีเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดอันดับ, กรณีคะแนนเท่ากัน และกระบวนการเพิกถอนบัญชีที่ต้องทราบ
หากต้องการสอบบรรจุเป็นข้าราชการท้องถิ่น ควรศึกษารายละเอียดเหล่านี้ให้ดีเพื่อวางแผนการสอบให้ได้คะแนนสูงสุดและเพิ่มโอกาสได้
รับการบรรจุให้เร็วขึ้น
📍การใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้เพื่อบรรจุและแต่งตั้ง
🔹 การใช้บัญชีผู้สอบในหน่วยงาน
🔘 หากมีตำแหน่งว่าง หน่วยงานจะเรียกผู้สอบได้ตามลำดับในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
🔘 การบรรจุแต่งตั้งต้องเป็นไปตามระเบียบ ระยะเวลาการขึ้นบัญชี และลำดับคะแนน
🔹 การใช้บัญชีข้ามหน่วยงาน
🔘 หากไม่มีบัญชีในหน่วยงาน สามารถใช้บัญชีในกลุ่ม/เขตเดียวกันได้
🔘 ถ้าในกลุ่ม/เขตเดียวกันไม่มีบัญชี สามารถข้ามเขตได้ตามลำดับ (เหนือ-กลาง-ตะวันออกเฉียงเหนือ-ใต้)
🔘 การใช้บัญชีข้ามกลุ่มจะทำได้เมื่อไม่มีบัญชีผู้สอบเลยในกลุ่มนั้น ๆ ตามที่กำหนด
🔹 ข้อยกเว้นและกรณีพิเศษ
🔘 หากมีการจัดสอบใหม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร อาจมีการปรับการใช้บัญชี
🔘 บัญชีจะหมดอายุเมื่อครบระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 2 ปี) หรือเมื่อมีการสอบใหม่
📍การยกเลิกการขึ้นบัญชีเฉพาะราย
🔹 กรณียกเลิกบัญชี
🔘 หากผู้สอบได้รับการบรรจุแล้วในตำแหน่งที่สมัคร จะถูกยกเลิกชื่อออกจากบัญชี
🔘 หากพบว่าผู้สอบขาดคุณสมบัติ ไม่ผ่านการตรวจสอบประวัติ หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม อาจถูกยกเลิกบัญชี
🔹 กรณียกเลิกบัญชี
🔘 หากพบว่ามีการทุจริต หรือกระทำผิดระหว่างการสอบ การขึ้นบัญชีจะถูกยกเลิกทันที
🔘 หน่วยงานอาจดำเนินคดีตามกฎหมาย หากพบการกระทำผิดร้ายแรง
📍การรายงานผลคะแนนสอบ
🔹 การประกาศผลสอบ
🔘 ผลสอบจะประกาศผ่านเว็บไซต์ที่กำหนด พร้อมรายชื่อผู้สอบผ่านตามลำดับคะแนน
🔘 ผู้สอบสามารถตรวจสอบคะแนนของตนเองได้ รวมถึงเหตุผลในกรณีสอบไม่ผ่าน
🔹 การตรวจสอบคุณสมบัติ
🔘 คณะกรรมการจะตรวจสอบคุณสมบัติผู้สอบอย่างละเอียดก่อนบรรจุแต่งตั้ง
🔘 หากพบว่าผู้สอบไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ประกาศ อาจถูกตัดสิทธิ์
🔹 ช่องทางการติดต่อ
🔘 ผู้สมัครสามารถติดตามข้อมูลได้ผ่านเว็บไซต์ เช่น "dla-local2568.thaijobjob.com" หรือ "dla.go.th"
🔘 หน่วยงานอาจแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์หรือประกาศในที่ทำการ
📍สรุปสำคัญ
กระบวนการใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้มีความโปร่งใสและยึดตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การบรรจุตามลำดับ การใช้บัญชีข้ามกลุ่มเมื่อ
จำเป็น รวมถึงการยกเลิกบัญชีในกรณีทุจริตหรือขาดคุณสมบัติ ทุกขั้นตอนถูกออกแบบให้เกิดความยุติธรรม และเปิดโอกาสให้ผู้สอบสามารถ
ติดตามผลสอบหรือยื่นอุทธรณ์ได้หากพบความไม่เป็นธรรม
ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร อัตราว่าง และเงินเดือนที่ได้รับ
🔹 การแบ่งกลุ่ม/เขตการสมัคร
🔘 การสมัครแบ่งออกเป็นกลุ่ม/เขต รวม 10 เขต แต่ละเขตครอบคลุมหลายจังหวัด โดยจะจัดทำ “บัญชีตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร”
สำหรับแต่ละเขต
🔹 รายละเอียดแต่ละกลุ่ม/เขต กลุ่มภาคกลาง แบ่งเป็นหลายเขต
🔘 เขต 1: จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สิงห์บุรี
🔘 เขต 2: จังหวัดนครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี
🔘 แต่ละเขตจะระบุจำนวนตำแหน่งว่าง เงินเดือนเริ่มต้น และหน่วยงานที่จะบรรจุ
🔹 กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
🔘 เขต 3: จังหวัดนครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร
🔘 เขต 4: จังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม
🔹 กลุ่มภาคเหนือ
🔘 เขต 5: จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง
🔘 เขต 6: จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์
🔹 กลุ่มภาคใต้
🔘 เขต 7: จังหวัดสงขลา พัทลุง สตูล
🔘 เขต 8: จังหวัดนครศรีธรรมราช กระบี่ ภูเก็ต
🔹 การจัดทำบัญชีรายเขต
🔘 เมื่อประกาศผลสอบ จะจัดทำ “บัญชีตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร” แยกตามเขต
🔘 ผู้ที่ผ่านการสอบสามารถถูกบรรจุในเขตที่สมัคร หรืออาจข้ามเขตได้ในกรณีไม่มีบัญชีผู้สอบในเขตนั้นๆ
สรุปสำคัญ
🔘 ผู้สมัครต้องเลือกสมัครในกลุ่ม/เขตที่กำหนด และหากผ่านการสอบจะถูกขึ้นบัญชีตามเขตนั้น
🔘 หากไม่มีตำแหน่งว่างในเขตที่สอบผ่าน อาจมีการข้ามเขตตามลำดับที่กำหนด
🔘 แต่ละตำแหน่งจะมีรายละเอียดชัดเจน ทั้งเงินเดือน หน่วยงานบรรจุ และจังหวัดที่เกี่ยวข้อง
🔹 1. เข้าใจโครงสร้างการสอบ วิชาที่สอบ (ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง)
🔘 ภาค ก: ความรู้ทั่วไป กฎหมายพื้นฐาน (รัฐธรรมนูญ, พ.ร.บ.ท้องถิ่น, พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ)
🔘 ภาค ข: ความรู้เฉพาะตำแหน่ง (เช่น งานสารบรรณ การเงิน การคลัง หรือเทคนิคเฉพาะด้าน)
🔘 ภาค ค: สอบสัมภาษณ์ (วิเคราะห์วิธีคิด บุคลิกภาพ ความเหมาะสมกับตำแหน่ง)
แบ่งเขตพื้นที่: ศึกษาให้แน่ใจว่าเขตที่สมัครมีตำแหน่งตรงกับความสามารถของคุณ
🔹 2. ศึกษากฎหมายสำคัญ (เน้นหนัก)
🔘 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
🔘 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น (เช่น อบต., เทศบาล, อบจ.)
🔘 พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ
🔘 พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
🔘 ระเบียบงานสารบรรณ
📌 เทคนิค: อ่านพร้อมทำสรุปย่อ / ทำ Mind Map / ตะลุยข้อสอบเก่า
🔹 3. วางแผนการอ่านหนังสือ
🔘 จัดตารางเวลาอ่าน: อย่างน้อยวันละ 2-3 ชั่วโมง
🔘 เน้นบทที่ออกบ่อย: เช่น กฎหมายท้องถิ่น ระเบียบการเงินการคลัง
🔘 ฝึกทำข้อสอบย้อนหลัง: ช่วยประเมินจุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเอง
🔹 4. เตรียมตัวด้านความรู้ทั่วไป
🔘 เหตุการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน: ติดตามข่าวสาร (เศรษฐกิจ การเมือง นโยบายท้องถิ่น)
🔘 ความรู้เกี่ยวกับหน่วยงานที่สอบ: หน้าที่ โครงสร้างงาน สภาพปัญหาในพื้นที่
🔹 5. เตรียมพร้อมสอบสัมภาษณ์
🔘 ซ้อมตอบคำถามเชิงพฤติกรรม: เช่น จุดแข็ง-จุดอ่อน / ทำไมถึงอยากทำงานท้องถิ่น
🔘 บุคลิกภาพดี: แต่งกายสุภาพ ตรงเวลา น้ำเสียงมั่นใจ สบตา
🔹 6. เครื่องมือช่วยเตรียมสอบ
🔘 หนังสือเตรียมสอบเฉพาะทาง: เลือกเล่มที่อัปเดตล่าสุด
🔘 YouTube / คอร์สออนไลน์: มีช่องสอนกฎหมาย / สรุปเนื้อหาแบบเข้าใจง่าย
🔘 กลุ่ม Facebook หรือ Line: พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนที่เตรียมสอบ
🔹 7. เคล็ดลับเพิ่มโอกาสสอบติด
🔘 แบ่งเวลาอ่านให้สมดุล: อย่าหักโหมจนเกินไป
🔘 จัดลำดับความสำคัญ: เน้นบทที่มีน้ำหนักคะแนนเยอะ
🔘 ฝึกความเร็วในการทำข้อสอบ: เพื่อไม่พลาดเพราะหมดเวลา